รุ่น 3 in 1 เครื่องช่วยหายใจ Auto Cpap Yuwell YH-680 ระบบหน้าจอสัมผัส พร้อม Heated Tube + Wifi/BT + SPO2 รับประกันศูนย์ไทย 3 ปี
วัตถุประสงค์ในการใช้งาน
ใช้งานกับผู้ป่วยที่มีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนขณะนอนหลับ (OSA) ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 66 ปอนด์ (30 กิโลกรัม) เหมาะสำหรับใช้งานที่บ้านและโรงพยาบาล
คุณสมบัติทั่วไป
- เครื่องช่วยหายใจชนิดแรงดันบวกมีโหมดการทำงานแบบ Continuous operation
- ตัวเครื่องมีขนาด 265 mm x 135 mm x 105 mm (ยาว x กว้าง x สูง) น้ำหนัก 1.5 กิโลกรัม
- ตัวเครื่องมีหน้าจอ Touch Screen โดยหน้าจอจะปิดอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 2 นาที
- ท่อทำจาก Plastic hose ขนาด 1.80 m ± 0.18 m
- ใช้พลังงาน Input :100 - 240VAC, 50 - 60 Hz และ Output:24V DC
- กระบอกน้ำบรรจุน้ำได้สูงสุด 300 mL ± 30 mL
คุณสมบัติทางเทคนิค
- สามารถเลือกโหมดการทำงานได้ 2 โหมด ดังนี้
- APAP
- CPAP
- สามารถปรับ Therapy pressure ได้ในช่วง 4~20 cmH2O/hPa โดยเพิ่มระดับทีละ 0.5 cmH2O/hPa
- สามารถปรับ Initial pressure ได้ในช่วง 4~20 cmH2O/hPa โดยเพิ่มระดับทีละ 0.5 cmH2O/hPa
- สามารถปรับ Maximum pressure ได้ในช่วง 4~20 cmH2O/hPa โดยเพิ่มระดับทีละ 0.5 cmH2O/hPa
- สามารถปรับ Minimum pressure ได้ในช่วง 4~20 cmH2O/hPa โดยเพิ่มระดับทีละ 0.5 cmH2O/hPa
- สามารถตั้งค่า Ramp Time ได้ 0 ถึง 60 นาที โดยปรับเพิ่มครั้งละ 5 นาที
- สามารถปรับค่าความชื้นได้ 0 ถึง 6 ระดับ หรือปรับความชื้นอัตโนมัติ
- ตัวเครื่องมีฟังก์ชั่น Mask-fit ทดสอบหน้ากากสามารถช่วยผู ้ใช้ประเมินว่าสวมหน้ากากอย่างถูกต้อง หรือไม่มีการรั่วของอากาศ
- สามารถเลือกระดับความร้อนภายในท่อ Heated tubing ได้ 0 ถึง 5 ระดับ หรือปรับเป็นโหมดอัตโนมัติเพื่อลดการเกิดหยดน้ำ
- มีระบบลดแรงต้านขณะหายใจออก (FPS) โดยสามารถปรับระดับได้ 0 ถึง 4 ระดับ
- เครื่องมีฟังก์ชั่น Smart stop เมื่อไม่มีการใช้งาน เครื่องจะปิดโดยอัตโนมัติภายใน 8 วินาที
- ตัวเครื่องสามารถแสดงผลย้อนหลังการใช้งาน 1 ครั้ง และสรุปการใช้งาน 7 วันและ 30 วัน โดยแสดงค่า
- AHI, Average AHI, Used Time (h), Average Used Time (h), Average Pressure, Average Leakage(Lpm), Total Time(h) และ P90
- ตัวเครื่องมีระบบ Leak Reminder, Filter Reminder และ Mask Reminder
- หน้าจอมีฟังค์ชั่น Backlight สามารถปรับความสว่างของหน้าจอได้ด้วยตนเอง หรือโดยอัตโนมัติ
- สามารถดึงข้อมูลการใช้งานผ่านช่องทาง SD Card หรือ WIFI และ Bluetooth
อุปกรณ์ประกอบการใช้งาน
1 ชุดสายหายใจพร้อมใช้งาน จำนวน 1 ชุด/เครื่อง
2 หน้ากากช่วยหายใจแบบครอบจมูก (M) จำนวน 1 ชิ้น/เครื่อง
3 คู่มือการใช้งานภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างละ 1 เล่ม
4 ท่อคงอุณหภูมิความร้อน 1 ชุด
5 ไส้กรองอากาศสำรอง 20 ชิ้น
6 Apaptor AC 2 ชุด
7 กระเป๋าใส่เครื่อง 1 ใบ
ของแถมพิเศษ
1. แถมฟรี อุปกรณ์เสริมสำหรับวัดค่าออกซิเจนในเลือด แสดงผลพร้อมบันทึกลงใน Report 1 ชุด
2. แถมฟรี กระติกน้ำ Yuwell 1 ใบ
ฟรี คูปองส่วนลด 2,000 บาท (ใช้สำหรับแลกซื้อสินค้า Yuwell มูลค่า 2,500 บาทขึ้นไป)
บริการเสริม ทดลองเช่า Cpap/Bipap เพื่อทำการทดลองใช้งาน คลิ๊กขอข้อมูลเพิ่มเติม















CPAP Therapy คืออะไร
คำว่า CPAP นั้นย่อมาจาก Continuous Positive Airway Pressure เป็นการรักษาที่ได้ประสิทธิผลดีที่สุดวิธีหนึ่งในการรักษา ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ (Obstructive Sleep Apnea Syndrome, OSAS) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีอาการในระดับปานกลาง ถึง รุนแรง CPAP มีหลักการในการรักษาคือ การเป่าความดันลมผ่านทางจมูกหรือปาก ผ่านบริเวณลำคอ และโคนลิ้น ซึ่งเป็นส่วนทางเดินหายใจส่วนต้น เพื่อให้เปิดขยายตัวตลอดเวลาโดยไม่ให้มีการอุดกั้นขณะที่นอนหลับ ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ใช้เครื่องสามารถหายใจรับอากาศอย่างพอเพียงและนอนหลับราบรื่นตลอดทั้งคืน โดยลมที่เป่าด้วยความดันนี้มักเป็นเพียงอากาศปกติ ไม่ใช่การให้ออกซิเจนตามโรงพยาบาล (ยกเว้นในบางรายที่จำเป็นมากเท่านั้น)
เครื่อง CPAP มีส่วนประกอบและรูปร่างหน้าตา เป็นอย่างไร
ปัจจุบันมีเครื่อง CPAP อยู่หลายแบบเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามส่วนประกอบของเครื่อง CPAP หลัก ๆนั้นจะคล้ายกัน ได้แก่ 1. ส่วนของเครื่องสร้างความดันลม 2. ส่วนของหน้ากากและสายรัดศีรษะ (CPAP Mask) 3.ส่วนของท่อลม และ 4.อุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เช่น เครื่องอบไอน้ำ หรือหน้ากากสำรอง เป็นต้น
ควรเลือกรักษาด้วย CPAP แบบใด
ก่อนการรักษาด้วย CPAP ท่านต้องได้รับการตรวจโดยแพทย์เฉพาะทางด้านนี้ รวมถึงต้องได้รับการตรวจสุขภาพการนอนหลับก่อนเสมอ เพื่อได้ข้อมูลที่ถูกต้องอันจะใช้ในการอ้างอิง เพื่อดูแลรักษาท่านในระยะยาวต่อไป และเมื่อท่านร่วมตัดสินใจกับแพทย์ว่า เป็นการรักษาที่เหมาะสมกับท่านแล้ว ท่านต้องตัดสินใจเลือกประเภทของเครื่อง เนื่องจากในปัจจุบัน มีเครื่อง PAP อยู่หลายแบบ ซึ่งแบ่งง่าย ๆ จะเป็น 1. เครื่องเป่าความดันลมแบบธรรมดา หรือ Manual CPAP 2.เครื่องเป่าความดันลม 2 ระดับ (Bilevel PAP หรือ BiPAP) และ 3. เครื่องเป่าความดันลมแบบปรับความดันอัตโนมัติ (Auto-adjusting PAP หรือ APAP) ในกรณีทั่วไปการใช้เครื่องแบบธรรมดาก็อาจเพียงพอซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าแบบอื่น ท่านจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะว่าแบบใด และความดันลมเท่าใดจึงจะเหมาะสมกับภาวะโรคของท่านโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย นอกจากนี้อาจมีรายละเอียดพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งท่านต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการรวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ของท่านเองด้วย
CPAP มีวิธีใช้อย่างไร
การใช้เครื่อง CPAP นั้น จะเริ่มใช้เฉพาะเวลาที่ท่านกำลังจะนอนหลับ โดยท่านควรใช้ตลอดทั้งคืนและทุกคืนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อให้เกิดผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวของท่าน วิธีการใช้ไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อน ซึ่งในส่วนรายละเอียดเล็กน้อยทางเทคนิคเจ้าหน้าที่เฉพาะด้านนี้จะช่วยให้คำแนะนำท่านได้ ขั้นตอนง่ายๆ เช่นเพียงเปิดเครื่องก่อน เช็คระดับความดันลม และสวมหน้ากาก เพื่อให้ลมเป่าผ่านทางท่อเข้าสู่ทางเดินหายใจอย่างถูกต้อง แล้วจึงเข้านอน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักใช้เพียงหน้ากากที่ครอบจมูก (Nasal Mask) แต่บางครั้งอาจใช้หน้ากากแบบที่ครอบทั้งจมูกและปาก (Full-Face Mask) และน้อยรายมากที่จะใช้หน้ากากครอบเฉพาะบริเวณปาก (Oronasal mask)
ประโยชน์ หรือ ข้อดี ของการรักษาด้วย CPAP
การรักษาด้วยเครื่อง CPAP นั้นตามรายงานการวิจัยทั่วโลก จัดว่าเป็นการรักษาภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับระดับปานกลางหรือรุนแรง ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในแบบที่ไม่ต้องผ่าตัด ถ้าท่านได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและปรับความดันที่เหมาะสมกับท่านที่สุดโดยแพทย์เฉพาะทาง และท่านได้ใช้เครื่องตลอดทั้งคืน จะข้อดีมีทั้งในระยะสั้น คือ ท่านจะไม่มีอาการนอนกรนและจะนอนหลับได้ดีขึ้นพร้อมกับได้รับอากาศอย่างเต็มที่ ตื่นขึ้นมาจะสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย หรือ ความง่วงนอนตอนกลางวันอย่างที่ท่านรู้สึกความแตกต่างได้ รวมถึงในระยะยาวจะลดความเสี่ยงจากโรคแทรกซ้อนหรืออาการอื่นๆที่เกิดจากภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับด้วย โดยหากท่านติดตามดูแลกับแพทย์อย่างใกล้ชิด จะมีความเสี่ยงในการรักษาน้อย
รศ.นพ.วิชญ์ บรรณหิรัญ
ภาควิชา โสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ความแตกต่างระหว่าง CPAP และ BiPAP คืออะไร?
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีและผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าคนจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย อาการที่พบบ่อยคือการนอนกรนมากเกินไป แต่ก็ยังสามารถทำให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้นรวมถึงการสูญเสียความทรงจำ, งุนงง, หงุดหงิด, ความรู้สึกทั่วไปของความรู้สึกป่วยไข้และในกรณีที่รุนแรงแม้กระทั่งความตาย
ผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับรุนแรงสามารถรักษาด้วยเครื่องเพิ่มแรงดันอากาศทางบวกอย่างต่อเนื่อง (CPAP) หรือเครื่องแรงดันบวกทางเดินหายใจ Bi-Level Positive (BiPAP) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ ตัวเลือกระหว่าง CPAP และ BiPAP นั้นขึ้นอยู่กับชนิดของภาวะหยุดหายใจขณะหลับและความรุนแรง
ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสองเครื่องคือแรงดันที่ใช้เพื่อเพิ่มการไหลของอากาศ ด้วยเครื่อง CPAP การไหลของอากาศคงที่ ตรงกันข้ามเครื่อง BiPAP ให้แรงดันที่มากขึ้นระหว่างการสูดดมและแรงดันที่เบากว่าในระหว่างการหายใจออก เนื่องจากความแตกต่างเหล่านี้ CPAP และ BiPAP จึงถูกใช้เพื่อรักษาความผิดปกติที่แตกต่างกันเล็กน้อย CPAP นั้นเหมาะกับการหยุดหายใจขณะหลับและ BiPAP มักใช้รักษาอาการหยุดหายใจขณะหลับกลาง
การวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับมักเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยผ่านการศึกษาการนอนหลับเพื่อกำหนดรูปแบบการนอนหลับโดยรวม บ่อยครั้งที่อาการหลายอย่างที่ดูเหมือนจะชี้ไปยังเงื่อนไขอื่นพิสูจน์ว่าเกิดจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นสาเหตุให้ผู้ประสบภัยหยุดหายใจเป็นระยะเวลาหนึ่งระหว่างการนอนหลับและมักพบคู่สมรสหรือคู่ครองที่มีอาการเป็นพยานในเหตุการณ์ตอนกลางคืน เมื่อมีการวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะผู้ป่วยและแพทย์สามารถตัดสินใจได้ว่าจะรักษาสภาพอย่างไร
อีกวิธีในการเลือกระหว่าง CPAP และ BiPAP คือความสะดวกสบาย หากผู้ป่วยลอง CPAP และพบว่าแรงกดดันต่อเนื่องไม่สบายใจ BiPAP อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ผู้ป่วยบางรายพบว่าความดันอากาศคงที่ทำให้การหายใจออกลำบากหรืออึดอัด การไหลเวียนของอากาศที่ลดลงในระหว่างการหายใจออกในเครื่อง BiPAP สามารถขจัดความรู้สึกไม่สบายนี้ได้
CPAP และ BiPAP แต่ละเครื่องมีเครื่องที่ให้อากาศไหลเวียนรวมถึงหน้ากากที่สวมไว้บนใบหน้าของผู้ป่วยในตอนกลางคืน แถบยางยืดที่มีน้ำหนักเบาถือหน้ากากได้ ด้วยการหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้นทางเดินหายใจมีแนวโน้มที่จะปิดในระหว่างการหายใจทำให้ CPAP เหมาะสมกว่าเพราะจะสร้างการไหลเวียนของอากาศอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อต้านการอุดตัน ภาวะหยุดหายใจขณะหลับกลางซึ่งปัญหาการหายใจสามารถติดตามไปยังระบบทางเดินหายใจกลางได้บ่อยครั้งจะได้รับการบำบัดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย BiPAP
อ้างอิงจาก www.netinbag.com
วิธีการเลือกหน้ากาก CPAP ให้เหมาะกับการใช้งาน
หน้ากากสำหรับเครื่องช่วยหายใจ มีความสำคัญอย่างมากในการใช้งานเครื่องช่วยหายใจเนื่องจากการที่เครื่องช่วยใจจะปล่อยแรงดันลมออกมานั้น จำเป็นต้องมีอุปกรณ์สำหรับเป็นทางเดินอากาศไปยังผู้ใช้งาน รวมถึงหน้ากากแต่ละแบบก็มีความเหมาะสมกับผู้ใช้งานแตกต่างกันออกไป
หน้ากาก CPAP ถูกแบ่งออกหลักๆเป็น 3 ประเภท

1. หน้ากากแบบครอบจมูก (Nasal Mask)
ออกแบบมาเพื่อครอบบริเวณจมูกของผู้ใช้งาน สามารถใช้งานได้ง่าย เหมาะกับผู้ที่ไม่เคยใช้งานมาก่อน

2.หน้ากากแบบเต็มหน้า ครอบจมูกและปาก (Full Face Mask)
หน้ากากจะครอบทั้งจมูกและปากของผู้ใช้งาน ทำให้ไม่เกิดการรั่วของแรงดันลมออกทางปาก ใช้แก้ปัญหาสำหรับผู้ป่วยที่นอนอ้าปาก แต่อาจจะทำให้คอแห้งได้เนื่องจากลมจะผ่านทางปากของผู้ใช้งานตลอดเวลา และในบางครั้งอาจทำให้มีลมเข้าไปในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืดได้

3. หน้ากากแบบสอดจมูก (Nasal Pillow Mask)
เป็นหน้ากากประเภทที่ไม่มีการครอบจมูกหรือปากของผู้ใช้งาน ทำให้รู้สึกสบายมากกว่าหน้ากากแบบอื่นๆ โดยการใช้งานนั้น เพียงแค่นำหน้ากากเสียบเข้ากับรูจมูกเท่านั้น ข้อดีคือสะดวกสบายไม่อึดอัด หรือผู้ใช้งานที่ไม่สามารถใช้งานหน้ากากแบบครอบ หรือมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ สามารถใช้งานได้ แต่ข้อเสียคือ อาจจะทำให้มีลมรั่วออกมาได้ง่ายกว่าหน้ากากรุ่นอื่น โดยเฉพาะในช่วงแรงดันสูงๆ หน้ากากแบบนี้จะเหมาะกับผู้ใช้งานที่มีประสบการณ์มาบ้างแล้ว
- มีอาการนอนกรนเสียงดัง และกรนเป็นประจำแทบทุกคืน
- บางครั้งมีอาการนอนกรนแล้วหยุดเป็นพักๆ และหายใจแรง หายใจดัง
- รู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม ง่วงและอ่อนเพลียระหว่างวัน
- ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ไม่มีสมาธิ ขี้หลงขี้ลืม
- อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ขี้เหวี่ยง ขี้วีน
- ตื่นแล้วรู้สึกไม่สดชื่น บางครั้งมีอาการปวดหัวหลังจากตื่นนอน
- ความต้องการทางเพศลดลง